ในแต่ละบริษัทมีวิธีทำงานแตกต่างกัน แม้แต่รายละเอียดในการออกแบบก็แตกต่างกัน จึงใช้วิธีคิดค่าออกแบบที่แตกต่างกัน จึงนำมาสู่ค่าออกแบบที่แตกต่างกัน แม้แต่อาคารประเภทเดียวกันบริษัทเดียวกันก็อาจจะมีค่าแบบแตกต่างกันได้ การที่ค่าออกแบบแตกต่างกันปัจจัยส่วนใหญ่ได้แก่
1.โปรไฟล์ของบริษัท
บริษัทใหญ่ หรือบริษัทที่มีประสบการณ์ทำงานมาหลายปี ย่อมคิดค่าใช้จ่ายสูงกว่าบริษัทน้องใหม่ที่เพิ่งเปิดมาได้ไม่นาน และค่าออกแบบของบริษัทก็สูงกว่าการจ้างฟรีแลนซ์ อาจจะด้วยความพร้อม การมีทีมงานหลายแผนก ความรับผิดชอบ และประสบการณ์
2.ขอบเขตงาน
ขอบเขตเนื้องานนั้นเป็นตัวกำหนดอัตราค่าบริการ หากท่านต้องการให้ทำทุกอย่างแบบครบวงจรค่าใช้จ่ายก็จะตามเนื้องานที่ท่านให้ทำ หากท่านให้เฉพาะสถาปนิกออกแบบ ไม่รวมควบคุมงาน ค่าใช้จ่ายก็น้อยลงมา เป็นต้น
3.ขนาดพื้นที่ และสไตล์
ขนาดพื้นที่ใช้สอยยิ่งมากค่าออกแบบก็สูงขึ้นตามเป็นเรื่องธรรมดา และสไตล์ที่ใช้ในการออกแบบก็มีผลต่อค่าใช้จ่ายเช่นกัน ตัวอย่างเช่น หากออกแบบภายในแบบมินิมอลสไตล์ ค่าใช้จ่ายก็จะน้อยกว่าออกแบบภายในแบบคลาสสิกสไตล์ เนื่องจากมีเนื้องาน และรายละเอียดที่ต้องทำสูงกว่า เป็นต้น
4.ความยากง่าย ซับซ้อนในการออกแบบ
อาคารที่มีความซับซ้อนในการออกแบบจะมีรายละเอียดมากกว่า ใช้เวลา และจำนวนบุคลากรที่ทำงานมากขึ้น ค่าใช้จ่ายจึงสูงขึ้น บางบริษัทคำนวณค่าบริการจากเปอร์เซ็นของค่าก่อสร้าง แต่ในบางกรณีอาคารอาจใช้วัสดุราคาถูก แต่มีรายละเอียดในการออกแบบที่เยอะ ราคาค่าบริการก็จะสูงขึ้น
5.ความรวดเร็วในการทำงาน
ปกติในการออกแบบจะมีกำหนดเวลาในการทำงานอยู่แล้ว แต่หากท่านต้องการเร่งใช้งาน ต้องการให้งานเสร็จเร็วขึ้นเป็นพิเศษ บริษัทออกแบบก็ต้องปรับแผนการทำงาน ใช้บุคลากรมากขึ้น และใช้ชั่วโมงทำงานมากขึ้น ค่าใช้จ่ายก็สูงขึ้นเป็นธรรมดา
แน่นอนคนเราโดยปกติจะไม่อยากจ่ายอะไรในราคาที่สูง เราก็ไม่ต้องการให้ท่านจ่ายอะไรในราคาที่แพงเช่นกัน แต่ควรใช้จ่ายในอะไรที่คุ้มค่าที่สุดมากกว่า คือราคาอยู่ในช่วงที่จ่ายไหว ได้คุณภาพสมราคา และได้งานในรูปแบบที่ต้องการ
No comment yet, add your voice below!